เปิดประวัติ ขุนพิเรนทรเทพ ผู้ล้มล้างแม่หยัวท้าวศรีสุดาจันทร์ สู่กษัตริย์แห่งราชวงศ์สุโขทัย ผู้ให้กำเนิดสมเด็จพระนเรศวร
เปิดประวัติ ขุนพิเรนทรเทพ ผู้ล้มล้างแม่หยัวท้าวศรีสุดาจันทร์ สู่กษัตริย์แห่งราชวงศ์สุโขทัย ผู้ให้กำเนิดสมเด็จพระนเรศวร
28 พ.ย. 2567 เวลา 08:08 น.
เรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งละครที่มาแรงและจบลงด้วยตามประวัติศาสตร์ อย่าง แม่หยัว ทางช่อง one31 และหนึ่งในบท ขุนพิเรนทรเทพ รับบทโดย พ้อยท์-ชลวิทย์ มีทองคำ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์สุโขทัย สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช ผู้พลิกชะตาอยุธยาหลังการสิ้นสุดอำนาจแม่หยัวศรีสุดาจันทร์ กษัตริย์ผู้ให้กำเนิดสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช หรือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 1 เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 17 แห่งอาณาจักรอยุธยา และเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์สุโขทัย ผู้มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองอยุธยา ทรงครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 2112 ถึง พ.ศ. 2133 นับเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงและสงคราม
พระราชประวัติ ขุนพิเรนทรเทพ
สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชเจ้า พระราชสมภพเมื่อปี พ.ศ. 2057 พระองค์ทรงมีพระบิดาเป็นเชื้อสายราชวงศ์พระร่วง และพระมารดาสืบสายจากสมเด็จพระไชยราชาธิราช พระองค์เริ่มต้นการรับราชการด้วยตำแหน่งสำคัญคือ ขุนพิเรนทรเทพ เจ้ากรมพระตำรวจขวา และต่อมาได้มีบทบาทสำคัญในการยุติการปกครองของขุนวรวงศาธิราชและนางพระยาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์
พระองค์และขุนนางอีกหลายคนร่วมกันยึดอำนาจจากขุนวรวงศาธิราช และได้สถาปนาสมเด็จพระมหาจักรพรรดิขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ภายหลังเหตุการณ์นี้ พระองค์ได้รับแต่งตั้งให้ครองเมืองพิษณุโลกและแต่งตั้งพระสวัสดิราชธิดาเป็นพระอัครมเหสี ทำให้สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชมีบทบาททางการเมืองอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงเวลานั้น
ขุนพิเรนทรเทพผู้กล้า โค่นแม่หยัวศรีสุดาจันทร์
บทบาทของสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช (ในขณะนั้นยังมีบรรดาศักดิ์เป็น ขุนพิเรนทรเทพ) ในการสำเร็จโทษแม่หยัวศรีสุดาจันทร์เป็นเหตุการณ์สำคัญที่เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของกรุงศรีอยุธยา โดยเฉพาะในการขจัดอำนาจของกลุ่มกบฏและนำไปสู่การฟื้นฟูราชบัลลังก์อยุธยาให้กลับสู่เส้นทางปกติ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจาก แม่หยัวศรีสุดาจันทร์ ซึ่งเป็นพระมเหสีของสมเด็จพระไชยราชาธิราช ได้ลอบปลงพระชนม์ สมเด็จพระยอดฟ้า พระราชโอรสของพระองค์เอง และขึ้นครองอำนาจร่วมกับขุนวรวงศาธิราช มีความไม่พอใจเกิดขึ้นอย่างมากในหมู่ขุนนางเพราะเห็นว่าแม่หยัวศรีสุดาจันทร์และขุนวรวงศาธิราชไม่มีสิทธิ์ที่ชอบธรรมในการครองราชสมบัติ
ขุนพิเรนทรเทพ ได้ร่วมมือกับขุนอินทรเทพ หมื่นราชเสน่หา และหลวงศรียศ วางแผนโค่นล้มแม่หยัวศรีสุดาจันทร์และขุนวรวงศาธิราช ด้วยการเข้าเฝ้าสมเด็จพระเทียรราชา (ซึ่งทรงผนวชอยู่ในเวลานั้น) และเสนอแผนการนี้ พระเทียรราชาเห็นด้วยกับแผนการดังกล่าว แผนการโค่นล้มอำนาจแม่หยัวศรีสุดาจันทร์เริ่มต้นขึ้นเมื่อฝ่ายขุนพิเรนทรเทพและพรรคพวกสกัดกองเรือของขุนวรวงศาธิราชและแม่หยัวศรีสุดาจันทร์ที่กำลังเดินทางไปคล้องช้างมงคล โดยจับตัวขุนวรวงศาธิราช แม่หยัวศรีสุดาจันทร์ และพระราชโอรสมาสำเร็จโทษ และนำศพไปประจานไว้ ณ วัดแร้ง ยกเว้นพระศรีสิน (พระศรีเสาวภาคย์) ที่รอดชีวิตเพียงพระองค์เดียว
หลังจากสำเร็จโทษแม่หยัวศรีสุดาจันทร์และขุนวรวงศาธิราช ขุนพิเรนทรเทพและพรรคพวกได้เข้าไปยึดพระราชวัง ส่งเรือพระที่นั่งชัยสุพรรณหงส์ไปอัญเชิญสมเด็จพระเทียรราชาที่ลาสิกขาบทแล้วขึ้นครองราชย์เป็น สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ซึ่งถือเป็นการฟื้นฟูความสงบในอยุธยาหลังจากความวุ่นวายที่เกิดจากการปกครองของแม่หยัวศรีสุดาจันทร์
ครองราชย์อยุธยา
เมื่อปี พ.ศ. 2106 พระเจ้าบุเรงนองแห่งหงสาวดีได้ยกทัพมาตีพิษณุโลก สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชทรงยอมแพ้และเข้าร่วมกับพระเจ้าบุเรงนองในสงครามต่อกรุงศรีอยุธยา จนในปี พ.ศ. 2112 กรุงศรีอยุธยาเสียแก่หงสาวดี พระเจ้าบุเรงนองจึงแต่งตั้งสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชขึ้นครองราชย์แทนสมเด็จพระมหินทราธิราช ในรัชสมัยของพระองค์ กรุงศรีอยุธยาเผชิญกับการรุกรานจากพระยาละแวก (สมเด็จพระบรมราชาที่ 3) ถึงสองครั้ง แต่สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชทรงสามารถป้องกันกรุงศรีอยุธยาไว้ได้ และได้เสริมสร้างป้อมปราการเมืองเพิ่มเติม พระองค์ยังโปรดให้สร้างพระราชวังจันทรเกษมเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระราชโอรสผู้ทรงเป็นมหาอุปราช
การสิ้นพระชนม์และมรดกทางประวัติศาสตร์ สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชทรงครองราชย์เป็นเวลายาวนานถึง 21 ปี ก่อนเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2133 สิริพระชนมพรรษา 76 พรรษา พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูกรุงศรีอยุธยาหลังการเสียกรุง และเป็นผู้ให้กำเนิดมหาราชผู้ยิ่งใหญ่แห่งกรุงศรีอยุธยา นั่นคือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
พระอัครมเหสีของสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช
พระอัครมเหสีของสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช คือ สมเด็จพระวิสุทธิกษัตรีย์ หรือ พระสวัสดิราชธิดา พระนางเป็นพระราชธิดาของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิและสมเด็จพระศรีสุริโยทัย พระนางทรงเป็นบุคคลสำคัญในราชวงศ์ เนื่องจากเป็นพระมเหสีที่มีบทบาทในทางการเมืองและเป็นพระมารดาของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ และพระสุพรรณกัลยา
สมเด็จพระวิสุทธิกษัตรีย์มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์สุโขทัยและอยุธยา และด้วยพระนางเป็นพระมเหสีของสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช พระนางจึงมีส่วนร่วมในการส่งเสริมความมั่นคงของอาณาจักร รวมถึงการเลี้ยงดูพระราชโอรสธิดาที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของไทย
สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชมีพระราชบุตรที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยทั้งหมด 3 พระองค์ ได้แก่
1.พระสุพรรณกัลยา พระราชธิดาพระองค์ใหญ่ พระสุพรรณกัลยาเป็นที่รู้จักในฐานะพระพี่นางของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระองค์มีบทบาทสำคัญในการเสียสละตนเองเพื่อปกป้องราชอาณาจักรไทยจากการคุกคามของหงสาวดี ในปี พ.ศ. 2112 เมื่อพระเจ้าบุเรงนองบังคับให้สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชยอมจำนน พระสุพรรณกัลยาได้ถูกส่งไปเป็นองค์ประกันที่หงสาวดี พระองค์อยู่ในหงสาวดีจนกระทั่งเสด็จสวรรคต โดยไม่เคยได้กลับสู่บ้านเกิดอีกครั้ง
2.สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระราชโอรสพระองค์กลาง สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นหนึ่งในกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย พระองค์เป็นที่รู้จักจากการทรงประกาศอิสรภาพจากหงสาวดีในปี พ.ศ. 2127 ณ เมืองแครง และทรงทำศึกกับพม่าเพื่อปกป้องอาณาจักรไทย พระราชวีรกรรมที่สำคัญที่สุดของพระองค์คือการทรงกระทำยุทธหัตถีจนชนะพระมหาอุปราชาแห่งหงสาวดีในปี พ.ศ. 2135 ทำให้พระองค์กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความกล้าหาญและการปกป้องเอกราชของไทย
3.สมเด็จพระเอกาทศรถ พระราชโอรสพระองค์เล็ก สมเด็จพระเอกาทศรถทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้สืบราชบัลลังก์ต่อจากสมเด็จพระนเรศวรมหาราชหลังจากการเสด็จสวรรคตของพระเชษฐา พระองค์ทรงครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ. 2148-2153 ในช่วงรัชสมัยของพระองค์ กรุงศรีอยุธยาเผชิญกับความสงบและการฟื้นฟูหลังจากสงครามยาวนาน แม้ว่าพระองค์จะไม่ทรงมีบทบาทในการทำสงครามเหมือนสมเด็จพระนเรศวร แต่พระองค์ทรงมีความสำคัญในการธำรงรักษาเสถียรภาพของอาณาจักรไทยในยุคนั้น
พระราชบุตรทั้งสามพระองค์ล้วนมีบทบาทสำคัญทั้งในด้านการเมืองและการปกป้องอาณาจักรไทย ทำให้ราชวงศ์สุโขทัยมีความแข็งแกร่งและทรงอำนาจต่อไป