วันนี้หนักมาก หมอกมรณะ หมอย้ำ ห้ามออกนอกบ้าน ถ้าไม่ใส่หน้ากากเด็ดขาด
วันที่ 25 มกราคม 2568 เพจเฟซบุ๊ก หมอโอ๊ค DoctorSixpack ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า ห้ามออกนอกบ้าน ถ้าไม่ใส่หน้ากาก เด็ดขาดครับ! หมอกมรณะ ฝุ่นวันนี้ หนักหนามากๆ มะเร็งปอด ระดับความตาย 110ug/m3 ซึ่งระดับที่ปอดภัย คือ 5ug/m3 เราเกินจุดนั้น 20 เท่า!
10 โรคร้ายจาก PM2.5: เจาะลึกกลไกการทำลายล้างตั้งแต่หัวจรดเท้า! สวัสดีครับเพื่อนๆ หมอโอ๊คกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยอันตรายของฝุ่น PM2.5 ที่ส่งผลต่อสุขภาพของเรา วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันแบบละเอียดๆ ถึง 10 โรคร้ายที่เกิดจาก PM2.5 พร้อมกลไกการทำลายล้างตั้งแต่หัวจรดเท้า! แน่นอนว่า หมอโอ๊คมีงานวิจัยมาอ้างอิงให้เพื่อนๆ มั่นใจในข้อมูลด้วยนะครับ
1. โรคระบบประสาท
กลไกการเกิดโรค: PM2.5 สามารถแพร่กระจายเข้าสู่สมองได้โดยตรง ผ่านทางเส้นประสาทรับกลิ่น หรือผ่านทางกระแสเลือด เมื่อเข้าสู่สมองแล้ว จะก่อให้เกิดการอักเสบ oxidative stress และทำลายเซลล์สมอง ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ดังนี้
โรคหลอดเลือดสมอง: เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตก ทำให้สมองขาดเลือด เกิดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต พูดไม่ชัด
โรคอัลไซเมอร์: เกิดการสะสมของโปรตีนผิดปกติในสมอง ทำให้เซลล์สมองตาย ส่งผลต่อความจำ การเรียนรู้ และพฤติกรรม
โรคพาร์กินสัน: เซลล์สมองส่วนที่ผลิตสารโดปามีนถูกทำลาย ทำให้เกิดอาการสั่น เคลื่อนไหวช้า กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง และเสียการทรงตัว
ภาวะสมองเสื่อม: การทำงานของสมองเสื่อมถอยลง ส่งผลต่อความจำ การคิด การตัดสินใจ และพฤติกรรม
ผลการวิจัย:
การศึกษาในประเทศจีนพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง (Chen R et al., Stroke, 2013)
การศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า PM2.5 มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคอัลไซเมอร์ (Cacciottolo M et al., Nature Reviews Neurology, 2017)
2. โรคตา
กลไกการเกิดโรค: PM2.5 ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อดวงตา เยื่อบุตาอักเสบ และอาจเข้าสู่ดวงตาโดยตรง ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ดังนี้
โรคต้อกระจก: เลนส์ตาขุ่นมัว ทำให้มองเห็นภาพไม่ชัดเจน
โรคต้อหิน: ความดันในลูกตาสูง ทำลายเส้นประสาทตา ทำให้สูญเสียการมองเห็น
โรคจอประสาทตาเสื่อม: เซลล์รับภาพที่จอประสาทตาเสื่อม ทำให้สูญเสียการมองเห็นส่วนกลาง
ผลการวิจัย:
การศึกษาในไต้หวันพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต้อกระจก (Tsai SY et al., JAMA Ophthalmology, 2016)
การศึกษาในเกาหลีใต้พบว่า PM2.5 มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคต้อหิน (Kim JH et al., Investigative Ophthalmology & Visual Science, 2016)
3. โรคระบบทางเดินหายใจ
กลไกการเกิดโรค: PM2.5 เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการอักเสบ ระคายเคือง และทำลายเนื้อเยื่อปอด ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ดังนี้
โรคหอบหืด: หลอดลมหดตัว ทำให้หายใจลำบาก มีเสียงหวีด ไอ และแน่นหน้าอก
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD): ถุงลมในปอดถูกทำลาย ทำให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจนลดลง เกิดอาการเหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ไอเรื้อรัง และมีเสมหะ
โรคหลอดลมอักเสบ: หลอดลมอักเสบ ทำให้ไอ มีเสมหะ และหายใจลำบาก
โรคปอดบวม: เกิดการติดเชื้อในปอด ทำให้มีไข้ ไอ มีเสมหะ หายใจลำบาก และเจ็บหน้าอก
โรคมะเร็งปอด: สารก่อมะเร็งใน PM2.5 ทำให้เซลล์ปอดผิดปกติ เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอด
ผลการวิจัย:
การศึกษาในยุโรปพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหอบหืดในเด็ก (Gehring U et al., European Respiratory Journal, 2010)
การศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจาก COPD (Dominici F et al., New England Journal of Medicine, 2006)
4. โรคหัวใจและหลอดเลือด
กลไกการเกิดโรค: PM2.5 เข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดการอักเสบของหลอดเลือด เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ดังนี้
โรคหลอดเลือดหัวใจ: หลอดเลือดหัวใจตีบ ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ เกิดอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย และอาจทำให้หัวใจวายได้
โรคหลอดเลือดสมอง: หลอดเลือดในสมองตีบหรือแตก ทำให้สมองขาดเลือด เกิดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต พูดไม่ชัด และอาจทำให้เสียชีวิตได้
โรคความดันโลหิตสูง: PM2.5 ทำให้หลอดเลือดหดตัว เพิ่มความดันโลหิต ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดสมอง
ภาวะหัวใจล้มเหลว: หัวใจสูบฉีดเลือดได้ไม่ดี ทำให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย บวม และหายใจลำบาก
ผลการวิจัย:
การศึกษาในหลายประเทศพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด (Brook RD et al., Circulation, 2010)
การศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว (Pope CA III et al., Journal of the American Heart Association, 2015)
5. โรคระบบทางเดินอาหาร
กลไกการเกิดโรค: PM2.5 อาจเข้าสู่ระบบทางเดินอาหาร โดยการกลืนฝุ่นที่ปนเปื้อนในน้ำลาย หรืออาหาร และอาจส่งผลต่อจุลินทรีย์ในลำไส้ ทำให้เกิดโรคต่างๆ ดังนี้
โรคลำไส้อักเสบ: ลำไส้ใหญ่ และลำไส้เล็กอักเสบ ทำให้ปวดท้อง ท้องเสีย ถ่ายเป็นเลือด และมีไข้
โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่: PM2.5 อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่
โรคกรดไหลย้อน: PM2.5 อาจทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อน เช่น แสบร้อนกลางอก เรอเปรี้ยว และมีรสขมในปาก
ผลการวิจัย:
การศึกษาในแคนาดาพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เนื่องจากโรคลำไส้อักเสบ (Kaplan GG et al., American Journal of Gastroenterology, 2012)
การศึกษาในไต้หวันพบว่า PM2.5 มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ (Chen PC et al., Environmental Research, 2016)
6. โรคตับ
กลไกการเกิดโรค: PM2.5 เข้าสู่กระแสเลือด และไปสะสมที่ตับ ทำให้เกิดการอักเสบ และทำลายเซลล์ตับ ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ดังนี้
ภาวะไขมันพอกตับ: มีไขมันสะสมในตับมากเกินไป ทำให้ตับทำงานผิดปกติ
โรคตับอักเสบ: ตับอักเสบ ทำให้มีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง เบื่ออาหาร และอ่อนเพลีย
โรคตับแข็ง: ตับถูกทำลาย และมีพังผืดเกิดขึ้น ทำให้ตับทำงานผิดปกติ และอาจทำให้เสียชีวิตได้
ผลการวิจัย:
การศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะไขมันพอกตับ (Wei Y et al., Journal of Hepatology, 2013)
การศึกษาในจีนพบว่า PM2.5 มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคตับแข็ง (Zhang X et al., Journal of Gastroenterology and Hepatology, 2015)
7. โรคไต
กลไกการเกิดโรค: PM2.5 เข้าสู่กระแสเลือด และไปสะสมที่ไต ทำให้เกิดการอักเสบ และทำลายไต ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ดังนี้
โรคไตเรื้อรัง: ไตทำงานผิดปกติ ไม่สามารถกรองของเสียออกจากเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภาวะไตวาย: ไตสูญเสียการทำงาน ทำให้ต้องฟอกเลือด หรือปลูกถ่ายไต ผลการวิจัย:
การศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไตเรื้อรัง (Miller KA et al., Journal of the American Society of Nephrology, 2012)
การศึกษาในไต้หวันพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคไต (Chang CC et al., The Lancet Respiratory Medicine, 2015)
8. โรคผิวหนัง
กลไกการเกิดโรค: PM2.5 ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ทำให้เกิดผื่น คัน ผิวแห้ง และอาจทำให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบต่างๆ เช่น
โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง: ผิวหนังอักเสบ มีผื่นแดง คัน และผิวแห้ง
โรคสะเก็ดเงิน: ผิวหนังมีสะเก็ด หนา และคัน
สิว: PM2.5 อาจกระตุ้นให้เกิดสิว โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ผลการวิจัย:
การศึกษาในเกาหลีใต้พบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังในเด็ก (Ahn K et al., Journal of Investigative Dermatology, 2014)
การศึกษาในจีนพบว่า PM2.5 มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคสะเก็ดเงิน (Li W et al., Journal of the European Academy of Dermatology and Venereology, 2016)
9. โรคเบาหวาน
กลไกการเกิดโรค: PM2.5 ส่งผลต่อการทำงานของอินซูลิน ฮอร์โมนที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน โดยเฉพาะเบาหวานชนิดที่ 2
ผลการวิจัย:
การศึกษาในหลายประเทศพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Rajagopalan S et al., Diabetes Care, 2018)
การศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า PM2.5 ทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานแย่ลง (Brook RD et al., Diabetes Care, 2013)
10. โรคมะเร็ง
กลไกการเกิดโรค: PM2.5 มีสารก่อมะเร็งปนเปื้อนอยู่ เช่น โลหะหนัก สารไฮโดรคาร์บอน (PAHs) ซึ่งสารเหล่านี้จะเข้าไปทำลาย DNA ของเซลล์ เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่างๆ เช่น
มะเร็งปอด: เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุด ที่เกี่ยวข้องกับ PM2.5
มะเร็งลำไส้ใหญ่: PM2.5 อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่
มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ: PM2.5 อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
มะเร็งเต้านม: PM2.5 อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม
ผลการวิจัย:
องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้ PM2.5 เป็นสารก่อมะเร็งกลุ่ม 1 ซึ่งหมายความว่า มีหลักฐานชัดเจนว่า PM2.5 ก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์ (IARC, 2013)
การศึกษาในหลายประเทศพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งชนิดต่างๆ (Hamra GB et al., Environmental Health Perspectives, 2014) หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นะครับ ดูแลสุขภาพ และป้องกันตัวเองจาก PM2.5 กันด้วยนะครับ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าครับ!
ขอบคุณข้อมูล หมอโอ๊ค DoctorSixpack